วันที่ 05 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551 ปีที่ 18 ฉบับที่ 6551 ข่าวสดรายวัน

เฉพาะกิจ"ข่าวสด" ส่งเสด็จ"พระพี่นาง"

ยิ่งใกล้วันพระราชพิธี พระเมรุที่จะใช้ในงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ก็ยิ่งเพิ่มความสวยงาม



นอกจากรูปทรงสูงสะดุดตา บนยอดประดับฉัตร 7 ชั้นเด่นสง่า



ขณะนี้อยู่ระหว่างประดับดอกไม้นานาพรรณ เพิ่มสีสันความสดชื่นในบริเวณพระเมรุ และมณฑลพิธี เพื่อให้เสร็จสมบูรณ์พอดีกับวันพระราชพิธี ที่จะเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 14-19 พฤศจิกายน



ถนนทุกสายเริ่มมุ่งตรงมาที่พระเมรุ เพื่อมาดูภาพสถาปัตยกรรมที่หาดูได้ยาก และถ่ายภาพเก็บไว้เป็นที่ระลึก



ยิ่งมีข่าวแพร่กระจายออกไปว่า ช่างปั้นรูปเทวดาและสัตว์หิมพานต์รอบๆ พระเมรุ ใส่แนวคิดโลกาภิวัตน์ เทวดานั่งและยืน มีทรวดทรงและความหล่อเหลาในแบบของเทพสมัยใหม่ หน้าตาไม่ซ้ำกัน สัตว์หิมพานต์ ไม่ว่าจะเป็นกินรี อัปสรสีหะมีใบหน้าเป็นแบบลูกครึ่ง ส่วนนกทัณฑิมาที่ยืนถือกระบองพิทักษ์ ก็สวมนาฬิกา สะท้อนถึงการสร้างสรรค์อย่างอิสระของศิลปิน ยิ่งทำให้ประชาชนเกิดความสนใจ



และยังมีพ่อค้านำเอาภาพถ่ายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่เสด็จพระราชดำเนิน ทรงทำพิธีอัญเชิญสัปตปฎลมหาเศวตฉัตร ขึ้นสู่ยอดพระเมรุ เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม มาจำหน่ายให้กับประชาชนที่แห่มาซื้อกันอีกด้วย



กองบรรณาธิการข่าวสดและสำนักพิมพ์มติชนได้จัดทำหนังสือเฉพาะกิจ "อาลัย-อลังการ พระเมรุ ส่งเสด็จพระพี่นาง" ออกมาเป็นพิเศษ รวบรวมภาพและข้อมูลเกี่ยวกับสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ และรายละเอียดเกี่ยวกับงานพระเมรุ ไว้ในเล่มอย่างละเอียด



ภาพสำคัญในเล่มนี้ คือภาพสี่สีจากภายในพระเมรุ ที่เต็มไปด้วยความวิจิตรและใช้สีฟ้าที่สดใสสะอาดประกอบการตกแต่งพระเมรุ ภาพของรูปปั้นเทวดาทั้งยืนและนั่ง ภาพของสัตว์หิมพานต์ที่ประชาชนต้องการเห็น



รวมถึงภาพที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ เสด็จพระราชดำเนินทรงอัญเชิญฉัตร เริ่มตั้งแต่เสด็จพระราชดำเนินถึงมณฑลพิธี ภาพของพสกนิกรที่มารอเฝ้าฯ รับเสด็จ ภาพทรงดึงสายสูตร อัญเชิญฉัตรขึ้นประดิษฐานที่ยอดพระเมรุ จากนั้นเสด็จฯ โดยรถยนต์พระที่นั่ง เพื่อชมบริเวณพระเมรุ ก่อนจะเสด็จขึ้นไปบนพระเมรุ



หนึ่งในภาพประทับใจ คือ ภาพที่ น.อ.อาวุธ เงินชูกลิ่น กราบบังคมทูล โดยมีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ประทับบนรถยนต์พระที่นั่ง โดยทุกพระองค์ทรงพระสรวล



หนังสือเฉพาะกิจเล่มนี้ ได้รับการตอบรับจากประชาชนอย่างดี















ในริ้วขบวนพระอิสริยยศ พระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ผู้ร่วมขบวนจะสวมเครื่องแต่งกายตามโบราณราชประเพณี ซึ่งมีจำนวนทั้งสิ้น 16 แบบ 18 ชุด



สำนักพระราชวังจัดแสดงเครื่องแต่งกายตามโบราณราชประเพณีดังกล่าวให้ชมเมื่อวันที่ 29 ต.ค.ที่ผ่านมา



แบบที่ 1 ชุดนำริ้ว แบบที่ 2 ชุดธงสามชาย แบบที่ 3 ชุดประตูหน้า และ ชุดประตูหลัง แบบที่ 4 ชุดกลองชนะ, ชุดฉุดชักราชรถพระนำ, ชุดฉุดชักพระมหาพิชัยราชรถ และ ชุดพนักงานลากเกรินหางนาค แบบที่ 5 ชุดจ่าปี่ และ ชุดจ่ากลอง



แบบที่ 6 ชุดสารวัตรกลอง, ชุดสารวัตรแตร, ชุดคนคุมเสลี่ยงกลีบบัวพระนำ, ชุดคนกำกับฉัตรเครื่องสูงฯ, ชุดกำกับคนหามเสลี่ยงกลีบบัวพระนำ, ชุดคนคุมเครื่องสูงหักทองขวาง, ชุดผู้กำกับและผู้ควบคุมพระยานมาศสามลำคาน, ชุดผู้ควบคุมคนหามพระยานมาศสามลำคาน, ชุดคนคุมฉัตรเครื่องสูงหักทองขวาง, ชุดผู้กำกับคนฉุดชัก, ชุดผู้ควบคุมราชรถพระนำ และ ชุดผู้ควบคุมพระมหาพิชัยราชรถ



แบบที่ 7 ชุดสังข์, ชุดแตรฝรั่ง และ ชุดแตรงอน แบบที่ 8 ชุดเครื่องสูง และ ชุดฉัตรเครื่องสูงทองแผ่ลวด, ชุดเครื่องสูง และ ชุดฉัตรเครื่องสูงหักทองขวาง แบบที่ 9 ชุดสนมเชิญพัดยศพระนำ แบบที่ 10 ชุดคนหามเสลี่ยงกลีบบัวพระนำ, ชุดคนหามพระยานมาศสามลำคาน, ชุดคนหามพระที่นั่งราเชนทรยาน, ชุดคนหามพระวอสีวิกากาญจน์, ชุดผู้บังคับราชรถพระนำ และ ผู้บังคับพระมหาพิชัยราชรถ



แบบที่ 11 ชุดบังพระสูรย์พระนำ, ชุดสัปทนตาด, ชุดพัดโบก, ชุดภูษามาลาประคองพระโกศฯ, ชุดพระกลดถวายพระโกศฯ, ชุดบังพระสูรย์หักทองขวาง, ชุดสารถีถือแพนหางนกยูงนั่งหน้าราชรถพระนำ และสารถีถือแพนหางนกยูงนั่งหน้าพระมหาพิชัยราชรถ



แบบที่ 12 ชุดอินทร์ สวมเสื้อเขียว และ ชุดพรหม สวมเสื้อแดง เชิญจามร แบบที่ 13 ชุดผู้บอกกระบวน แบบที่ 14 ชุดมหาดเล็กหลวงคู่แห่, ชุด มหาดเล็กหลวงเชิญพระแสงหว่างเครื่องหน้า-หลัง, ชุด มหาดเล็กหลวงเชิญพระแสงรายตีนตองฯ และผู้ควบคุมเชิญพระแสงฯ แบบที่ 15 ชุดอินทร์ หมวกและเสื้อเขียว และชุดพรหม หมวกและเสื้อแดง เชิญพุ่มต้นไม้เงิน/ต้นไม้ทอง แบบที่ 16 ชุดตำรวจหลวงคู่แห่พระศพ



เจ้าหน้าที่จากสำนักพระราชวังเผยว่า ชุดทั้งหมดมี 1,599 ชุด เหมือนงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระบรมศพของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ยกเว้นชุดที่ใช้นำริ้วขบวนประตูหน้า และประตูหลัง เปลี่ยนจากผ้าม่วงเชิงมาเป็นผ้าเกี้ยวลาย เพราะการจัดหาผ้าม่วงเชิงในสมัยนี้หายาก แต่จะคงรูปแบบไว้ เพื่อให้ใกล้เคียงของเดิมมากที่สุด โดยผ้านุ่งม่วงเชิงจะนำไปใช้สำหรับชุดตำรวจหลวงคู่แห่พระศพแทน



นายอรุณรัตน์ นีละรัตตานนท์ อายุ 60 ปี พนักงานพิเศษระดับ 7 ฝ่ายสารบรรณ สำนักงานเลขานุการกรม สำนักพระราชวัง ผู้สวมชุดแบบที่ 1 กล่าวว่า ได้แต่งเครื่องแต่งโบราณในแบบที่ 1 มาตั้งแต่สมัยสมเด็จย่า ยังคงจำความรู้สึกนั้นได้เป็นอย่างดี และถือเป็นเกียรติมากในชีวิต ส่วนครั้งนี้เป็นอีกครั้งที่ได้แสดงความจงรักภักดีถวายแด่สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ด้วยจิตสำนึกของข้าราชพลเรือนในพระองค์



นายสิปปวิชญ์ ฑีฆธนานนท์ อายุ 18 ปี นักเรียนชั้นม.6 โรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัย ผู้สวมชุดแบบที่ 14 กล่าวว่า การได้มีส่วนร่วมในริ้วขบวน ถือว่าเป็นเกียรติแก่วงศ์ตระกูลอย่างสูง จะทำหน้าที่อย่างดีที่สุดให้สมกับพระเกียรติของพระองค์ท่าน











ส่วนการซักซ้อมของฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ยังดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง



เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม กองพันทหารม้าที่ 29 รักษาพระองค์ ได้จัดซ้อมขบวนทหารม้ากองเกียรติยศ ที่ร่วมในริ้วขบวนพระอิสริยยศ ในงานพระราชพิธีพระราช ทานเพลิงพระศพ ริ้วขบวนที่ 6 โดยมี พล.ต.วิลาศ อรุณศรี ผบ.กองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ นำกำลังพลเข้าฝึกซ้อมเป็นครั้งแรก



ขบวนทหารม้ากองเกียรติยศนี้ จะทำหน้าที่เชิญพระสรีรางคารสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ จากพระศรีรัตนเจดีย์ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม โดยรถยนต์พระที่นั่งไปบรรจุ ณ อนุสรณ์สถานรังษีวัฒนา วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม



บรรยากาศการซ้อมมีประชาชนและนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ ให้ความสนใจตลอดระยะทาง โดยได้ตั้งแถวรูปขบวนกองทหารม้าจากวัดพระศรีรัตนศาสดาราม พระบรมมหาราชวัง ออกประตูวิเศษไชยศรี เข้าถนนหน้าพระลาน จากนั้นเลี้ยวขวาเข้าถนนสนามไชย เลี้ยวซ้ายเข้าถนนกัลยาณไมตรี และเลี้ยวขวาอีกครั้งเข้าถนนอัษฎางค์และถนนราชบพิธ หน้าวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม



จากนั้นขบวนทหารม้ากองเกียรติยศ ตั้งแถวรับเสด็จพระบรมวงศานุวงศ ที่ถนนเฟื่องนครและถนนอัษฎางค์ เมื่อพระบรมวงศานุวงศ์เสร็จราชกิจ ขบวนทหารม้ากองเกียรติยศ รอส่งเสด็จกลับถือเป็นอันเสร็จ



ด้านเจ้าหน้าที่สำนักพระราชวังครั้นเดินทางมาถึงวัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามแล้ว ได้ซักซ้อมเส้นทางเสด็จฯ ภายใน เพื่อนำพระสรีรางคารสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ไปบรรจุใต้พระสรีรางคารสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ณ อนุสรณ์สถานรังษีวัฒนา สุสานหลวงวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม



ขบวนม้ารักษาพระองค์ที่เข้าร่วมพิธี 77 ม้า กำลังพล 208 นาย รวมส่วนอำนวยการและส่วนสนับสนุน มีกองทหารม้านำอิสริยยศนำ 44 ม้า ตามด้วยรถยนต์พระที่นั่งของพระบรมวงศานุวงศ์ ก่อนปิดท้ายริ้วขบวนด้วยกองทหารม้าอิสริยยศจำนวน 33 ม้า



พ.ต.ธารา ฉลาด ผู้บังคับกองร้อยทหารม้ารักษาพระองค์ที่ 1 ปฏิบัติหน้าที่นายทหารยุทธการและการฝึก กล่าวว่า ม้าร่วมริ้วขบวนครั้งนี้ เป็นม้าจาก กรมการสัตว์ทหารบกที่ผสมขึ้นและอีกส่วนหนึ่งนำเข้า พันธุ์เธอร์รัฟเบร็ด (Thoroughbred) เป็นม้าเลือดอุ่นสายพันธุ์ดี ซึ่งเหมาะสมกับสภาพอากาศของประเทศไทย



ส่วนชุดเครื่องม้ารักษาพระองค์นั้น เริ่มจากหัวม้า มีชุดขลุมขี่ ติดตราพระปรมาภิไธย ภ.ป.ร. ที่หน้าผากม้า มีบังเหียน 4 สาย ใช้บังคับม้า ทับทรวงที่หน้าอกม้าติดตราพระปรมาภิไธย ภ.ป.ร. และมีพวงมาลัย หลังม้ามีเครื่องอานม้า ใต้อานม้ามีผ้าปูหลังเป็นแถบสีบอกตำแหน่งผู้ขี่



แถบสีแดงหมายถึงนายทหารสัญญาบัตร สีเหลืองเป็นกำลังพล และขาม้ามีสนับแข้ง ป้องกันขาม้าไม่ให้พลิกข้อและเพื่อความสวยงาม



ส่วนการแต่งกายชุดเครื่องแบบเต็มยศทหารรักษาพระองค์ คาดสายคันชีพสีตามตำแหน่ง สวมหมวกโลหะประดับด้วยพู่สีน้ำเงินด้านบน ด้านหน้าติดตราลัญจกรในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งในวันซ้อมนั้นสวมชุดปฏิบัติงานสีเขียว



"ด้านหน้าจะเป็นม้าแตรสีขาวนำหน้า ตามด้วยผู้บังคับกองพันทหารม้าอิสริยยศและเป็นหมู่ธงชัยเฉลิมพล และผู้บังคับกองร้อย ผู้บังคับหมวด จากนั้นจะเป็นกำลังพลในแถว ตามด้วยขบวนรถอัญเชิญพระสรีรางคารและรถยนต์พระที่นั่ง มีมอเตอร์ไซค์แซงข้าง ก่อนปิดท้ายด้วยกองทหารม้าขบวนตาม ซึ่งประกอบด้วยผู้บังคับกองร้อย ผู้บังคับหมวดและกำลังพลในแถว" พ.ต.ธารา กล่าว



ในการซ้อมครั้งนี้ มีประชาชนให้ความสนใจ อาทิ นายสำเริงและนางประยูร เกษมสุวรรณ สามีภรรยาวัย 59 ปี และหลานชาย นายเอกพัน สุขสำราญ อายุ 15 ปี ชาวอำเภอแหลมสิงห์ จ.จันทบุรี เดินทางจากบ้านตั้งแต่เวลา 08.00 น. พร้อมกับเหล่าลูกเสือชาวบ้าน 3 คันรถบัส เพื่อร่วมสักการะพระศพและร่วมพระอภิธรรมพระศพ



จากนั้นได้เดินไปรอบๆ สนามหลวง เพื่อชมพระเมรุ รู้สึกตื้นตันใจจนพูดไม่ถูก เพราะทุกอย่างจัดสร้างอย่างสวยงาม สมพระเกียรติ เป็นครั้งหนึ่งในชีวิตที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน เมื่อทราบข่าวว่าจะมีการซ้อมริ้วขบวน จึงได้รอชมเห็นแล้วสง่างามดี



นั่นคือส่วนหนึ่งของการเตรียมงานพระเมรุ และได้มีการซ้อมใหญ่ไปเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายนที่ผ่านมา พระจริยวัตรของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ทำให้ประชาชนหลั่งไหลมาชมการซ้อมครั้งนี้ และยังได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวอย่างล้นหลาม



เป็นบรรยากาศการส่งเสด็จที่จะต้องบันทึกไว้เป็นประวัติศาสตร์ต่อไป